โกงกางใบใหญ่
โกงกางใบใหญ่

โกงกางใบใหญ่
โกงกางใบใหญ่
โกงกางใบใหญ่ ชื่อสามัญ Red
mangrove, Asiatisk mangrove, Loop-root mangrove
โกงกางใบใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhizophora mucronata Lam. จัดอยู่ในวงศ์โกงกาง (RHIZOPHORACEAE) เช่นเดียวกับโกงกางใบเล็ก
โกงกางใบใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhizophora mucronata Lam. จัดอยู่ในวงศ์โกงกาง (RHIZOPHORACEAE) เช่นเดียวกับโกงกางใบเล็ก
สมุนไพรโกงกางใบใหญ่
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กงเกง (นครปฐม), กงกางนอก
โกงกางนอก (เพชรบุรี), กงกอน (เพชรบุรี, ชุมพร), ลาน (กระบี่), โกงกางใบใหญ่
(ภาคกลาง), กางเกง พังกา พังกาใบใหญ่ (ภาคใต้) เป็นต้น
ลักษณะของโกงกางใบใหญ่
ต้นโกงกางใบใหญ่ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
มีความสูงประมาณ 20-30 เมตร (บ้างก็ว่าสูงประมาณ 30-40
เมตร) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเหนือคอ ราก เมื่อโตเต็มที่ประมาณ 30
เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะเปลาตรง ด้านรับแสงจะมีกิ่งก้านมาก
เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลเทา เปลือกต้นค่อนข้างเรียบหรือแตกเป็นร่องตื้น ๆ
ส่วนเปลือกในเป็นสีส้ม ในกระพี้เป็นสีเหลืองอ่อน และแก่นเป็นสีน้ำตาล
ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้ฝักโดยตรง โดยใช้ฝักแก่ที่ยังสมบูรณ์
ไม่มีโรคและแมลงเข้ามาทำลาย
โดยดูได้จากบริเวณรอยต่อของฝักกับผลจะมีปลอกสีขาวอมเหลืองหุ้มอยู่
ถ้าหากมีขนาดยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และเป็นสีเหลืองแสดงว่าฝักแก่สมบูรณ์แล้ว
หรือจะเก็บฝักที่ร่วงหล่นลงน้ำก็ได้ เพราะถ้าฝักแก่สมบูรณ์จะลอยน้ำได้
เมื่อได้ฝักมาแล้วก็ให้นำมาปลูกในทันที
เพราะถ้าเก็บไว้นานเท่าไหร่ความสามารถในการงอกก็จะลดลงไปเรื่อย
ๆสามารถพบได้ตามชายฝั่งทะเลตะวันออกของแอฟริกา ทวีปเอเชีย ภูมิภาคมาเลเซีย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย
หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกไปจนถึงหมู่เกาะตองกา
สำหรับในประเทศไทยจะพบต้นโกงกางใบใหญ่ได้มากตามริมคลอง
ริมชายฝั่งทะเลที่มีน้ำเค็มท่วมถึงเป็นระยะเวลานาน
โดยจะชอบขึ้นในบริเวณที่เป็นดินเลนปนทราย และมักจะขึ้นอยู่ในบริเวณที่ชิดติดกับแม่น้ำ

รากโกงกางใบใหญ่
มีรากเป็นแบบค้ำจุนขนาดใหญ่ โดยจะงอกจากลำต้นออกเป็นจำนวนมาก ดูไม่เป็นระเบียบ
เพราะแตกแขนงระเกะระกะ และมีลักษณะเป็นทรงเรือนยอดรูปกรวยคว่ำแบบแคบ ๆ


รากโกงกางใบใหญ่

ใบโกงกางใบใหญ่
ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับตรงข้ามกัน โดยใบแต่ละคู่จะออกแบบสลับทิศทางกัน
ใบมีลักษณะเป็นรูปใบมนค่อนไปทางรูปหอก ปลายใบแหลมหรือเป็นติ่งแข็งเล็ก ๆ
ส่วนฐานใบสอบเข้าหากันคล้ายกับรูปลิ่ม หน้าใบเป็นสีเขียวอ่อน
ส่วนหลังใบเรียบเกลี้ยง เป็นสีเขียวอมเหลือง และยังมีจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ
เห็นได้ชัดเจนอยู่ทั่วหลังใบ โดยใบมีความกว้างประมาณ 5-13 เซนติเมตรและยาวประมาณ
8-18 เซนติเมตร ส่วนก้านใบยาวประมาณ 2.5-5.5 เซนติเมตร
และยังมีหูใบสีแดงเข้มยาวประมาณ 5-9 เซนติเมตร หุ้มใบอ่อนไว้


ดอกโกงกางใบใหญ่
ออกดอกเป็นช่อแบบ Cymes ในแต่ละช่อดอกจะประกอบไปด้วยดอกประมาณ
2-12 ดอก มีสีขาวอมเหลือง มีกลีบอยู่รอบดอก 4 กลีบ ลักษณะของกลีบรอบกลีบดอกเป็นรูปไข่ โคนกลีบติดกัน
ส่วนกลีบดอกเป็นรูปใบหอก มีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
ขอบของกลีบดอกจะมีขนยาวขึ้นปกคลุมอยู่ และดอกจะมีเกสรตัวผู้จำนวน 8 ก้าน ยาวประมาณ 0.5-0.8 เซนติเมตร

ผลโกงกางใบใหญ่
ผลเป็นแบบ Drupebaceous
มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมคล้ายไข่ โดยจะเป็นผลแบบที่งอกก่อนผลจะร่วง
ในส่วนใต้ใบเลี้ยงในเมล็ดจะงอกยื่นยาวออกมาคล้ายกับฝัก หรือที่เรียกว่า “ฝักโกงกางใบใหญ่” เมื่อผลหรือฝักแก่แล้วจะมีความยาวประมาณ
36-90 เซนติเมตร
และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนที่โตสุดประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร



สรรพคุณของโกงกาง
1. ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน
ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด (ใช้เปลือกต้นต้มกับน้ำดื่ม)
2. ใช้เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง
หรือจะใช้น้ำจากเปลือกต้นนำมากินเป็นยาแก้ท้องร่วงได้เช่นกัน (เปลือกต้น)
3. ช่วยแก้บิด บิดเรื้อรัง ด้วยการใช้เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่ม
หรือจะใช้น้ำจากเปลือกต้นนำมากินก็ได้เช่นกัน (เปลือกต้น)
4. เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาสมาน
(เปลือกต้น)
5. เปลือกต้นนำมาตำใช้เป็นยาพอกช่วยห้ามเลือดได้ดีและช่วยสมานแผล
หรือจะใช้ใบอ่อนเคี้ยวหรือตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบาดแผลสดและห้ามเลือดก็ได้เช่นกัน
(ใบ,
เปลือก)
บ้างก็ว่าน้ำจากเปลือกต้นก็ใช้ชะล้างแผลและห้ามเลือดได้เช่นกัน (น้ำจากเปลือกต้น)
6. เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำใช้ชะล้างรักษาบาดแผลเรื้อรัง
หรือจะใช้น้ำจากเปลือกต้นก็ได้ (เปลือกต้น, น้ำจากเปลือกต้น)
ประโยชน์ต้นโกงกาง
1. ไม้โกงกางมีลักษณะเปลาตรง
เป็นไม้ที่มีคุณสมบัติแข็งแรง เหนียว ทนทาน
จึงเหมาะสำหรับการนำมาแปรรูปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ
ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ทำกลอนหลังคาจาก รอด ตง อกไก่ของบ้าน หรือใช้ทำไม้เสาเข็ม
ไม้ค้ำยันต่าง ๆ ทำเสาและหลักในที่มีน้ำทะเลขึ้นถึง ทำเยื่อกระดาษ
2. ประโยชน์ไม้โกงกางที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการนำมาใช้ทำเป็นฟืนและถ่านเกรดคุณภาพดี
ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากเป็นไม้ที่ให้ความร้อนสูงและนาน
(ให้ค่าความร้อนประมาณ 6,600-7,200 แคลอรี)
อีกทั้งยังมีขี้เถ้าน้อยและไม่เกิดสะเก็ดไฟเมื่อนำมาใช้งานอีกด้วย
3. เปลือกของต้นโกงกางมีสารแทนนินและฟีนอลจากธรรมชาติสูงมาก
อีกทั้งยังมีราคาถูกที่สุด ซึ่งสารดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น
ทำยา ทำหมึก ทำสี ใช้ในการฟอกหนัง ใช้ทำกาวสำหรับติดไม้ เป็นต้น
4. เปลือกมีน้ำฝาดประเภท Catechol
ให้สีน้ำตาลที่สามารถนำมาย้อมสีผ้าได้ เช่น ใช้ย้อมผ้า แห อวน หนัง
ฯลฯ
5. ป่าโกงกางมีความสำคัญอย่างมากสำหรับสัตว์ทะเลต่าง
ๆ เนื่องจากเป็นที่วางไข่และฟักตัวอ่อน
และเป็นแหล่งที่มีสภาพสมดุลทางธรรมชาติสูงมาก
6. ป่าไม้โกงกางสามารถช่วยป้องกันรักษาชายฝั่งทะเลจากการกัดเซาะของกระแสน้ำได้
และยังใช้เป็นแนวกำบังคลื่นลมที่เคลื่อนเข้ามาปะทะชายฝั่งได้เป็นอย่างดี
วิดีโอเพิ่มเติมเกี่ยวกับโกงกางใบใหญ่
วิดีโอเพิ่มเติมเกี่ยวกับโกงกางใบใหญ่
เอกสารอ้างอิง : เว็บไซต์เมดไทย (MedThai). “โกงกางใบใหญ่”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://medthai.com/. [5 ส.ค. 2561].
( จัดทำโดย
นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี )
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น